เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.20 น. ของวันที่ 3 ตุลาคม มีความเคลื่อนไหวจากโซเชียลมีเดียว่า เกิดเหตุการภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีความแน่นอนว่าสถานที่เหตุเกิดอยู่ตรงไหน คนร้ายเป็นใคร ได้ยินเพียงแค่เสียงปืนที่ดังอยู่เป็นพัก ๆ บ้างก็ว่าได้ยินเสียงออกมาจากหลายชั้น บ้างก็ว่ามีคนเห็นผู้โชคร้ายถูกยิงในห้องน้ำ ตลอดจนก็มีบางคนที่ระบุว่ากำลังซ่อนตัวอยู่ภายในห้าง สร้างความหวาดกลัวและความสะเทือนใจให้กับผู้ที่ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก สถานที่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวานจะเป็นยังไงบ้าง วันนี้เราจะไล่เรียงเหตุการณ์ กราดยิงพารากอน ให้ได้ทำความเข้าใจกันตั้งแต่ต้นจนจบ
เหตุการณ์กราดยิงพารากอน ได้สร้างแรงกระเพื่อมไปยังหลายภาคส่วน
ในขณะที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ในหลายส่วนที่อยู่ภายในบริเวณศูนย์การค้าต่างเร่งมือช่วยกันรักษาความปลอดภัยให้กับบรรดานักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการที่อยู่ภายในศูนย์การค้าเอง รวมถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้าสยาม บางส่วนก็วิ่งหนีออกมาจากพื้นที่ระหว่างที่ภายนอกฝนกำลังตกหนัก เนื่องจากในตอนนั้นยังไม่สามารถจับตัวผู้ที่ก่อเหตุได้ ทั้งยังได้มีการรายการสถานการณ์แบบเกาะติดบนโซเชียลมีเดีย ทำให้แฮชแท็ก #พารากอน ติดเทรนด์การค้นหาเป็นอันดับ 1 ตลอดจนได้มีการแปลและโพสต์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษเพื่อแจ้งให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ทราบและหาทางป้องกันตัว
เวลาผ่านไปไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถรวบตัวผู้ที่ก่อเหตุได้ โดยเป็นเยาวชนที่มีอายุเพียง 14 ปี มีอาการหวาดระแวงว่าจะมีคนตามาทำร้าย จากการให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิตเวชและอยู่ในระหว่างการรักษที่โรงพยาบาลราชวิถี เพียงแต่ในตอนนี้ยังไม่สามารถสอบปากคำผู้ก่อเหตุได้มากนัก ภายหลักสืบทราบว่าเยาวชนที่ก่อเหตุนี้มาจากครอบครัวที่มีฐานะดี พ่อและแม่มีหน้าที่การงานที่ดี อีกทั้งตัวเด็กเองก็กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนทางเลือกชื่อดังแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการเข้าตรวจค้นในบ้านพักของผู้ก่อเหตุ ได้พบปืนบีบีกัน ล้อหุ่นสงครามแบบ M4 กระสุนปืน M16 กระสุนปืนลูกซอง และกระสุนปืนขนาด 9 มม. เพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่งในห้องนอน
ภายหลังที่จับตัวผู้ก่อเหตุได้ มีข่าวลือแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วว่า สาเหตุน่าจะมาจากการที่ชื่นชอบเล่นเกมแนวต่อสู้ จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างรุนแรงว่า พฤติกรรมของผู้ก่อเหตุไม่ได้เกิดมาจากการเล่นเก่ม แต่สังคมรอบข้างกล่อหลอมให้เกิดเป็นพฤติกรรมแบบนี้มากกว่า สรุปแล้ว มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 2 ราย เป็นชาวจีนที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย 1 ราย และเป็นชาวเมียนมาที่ทำงานอยู่ในเมืองไทย 1 ราย จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาโพสต์ข้อความ ระบุว่า ขอให้นักข่าวระวังการรายงานข่าวเกี่ยวกับผู้ก่อเหตุ ไม่ควรออกข่าวในลักษณะเชิงดราม่า ให้ความสนใจ หรือเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ก่อเหตุมากจนเกิดไปเนื่องจากเหตุความรุนแรงในอเมริกามีภาวะ Social Media Contagion ที่เป็นพฤติกรรมเลียนแบบทำตาม ๆ กัน
หลังเกิดเหตุการณ์นี้ ประชาชนต่างก็ถกเถียงกันและร้องให้รัฐบาลพัฒนาระบบ Emergency Alert เพื่อแจ้งเตือนบุคคลในพื้นที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน จะได้ช่วยลดความสูญเสีญและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะเมื่อไม่มีระบบนี้ กว่าจะรู้ความเคลื่อนไหวว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ต้องมาตามจากโซเชียลมีเดียที่ต้องใช้เวลาในการเสพข่าว อีกทั้งยังได้มีการพูดถึงกฎหมายการควบคุมปืนที่ควรมีความจริงจังและเข้มงวดมากขึ้นกว่านี้ โดยองค์กร Small Arms Survey ได้เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีการครอบครองอาวุธปืนมากเป็นอันดับที่ 13 ของโลกและครอบครองอาวุธปืนสูงที่สุดในเอเชีย

อ่านเพิ่มเติม : https://www.sanook.com/news/9061258/