ท่ามกลางความเขียวขจีของผืนป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ ในช่วงฤดูฝนอันชุ่มฉ่ำ ราวเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม เหล่านักแสวงหาของป่าต่างเฝ้ารอการปรากฏกายของ “เห็ดเผาะ” หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อ “เห็ดถอบ” อัญมณีล้ำค่าจากธรรมชาติ ที่ไม่ได้มีดีเพียงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังอัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์นานัปการ
เห็ดเผาะ คืออะไร
เมื่อแรกผุดขึ้นจากผืนดิน เห็ดเผาะจะปรากฏตัวในรูปทรงกลมมน เปลือกนอกสีขาวนวลหรือน้ำตาลอ่อนปกคลุมเนื้อในสีขาวบริสุทธิ์ ราวกับไข่มุกดิน เมื่อเติบโตเต็มที่ เปลือกนอกจะค่อยๆ แตกออกเป็นแฉกคล้ายรูปดาวหลายแฉก เผยให้เห็นสีน้ำตาลเข้มหรือดำสนิท ภายในบรรจุไปด้วยสปอร์สีน้ำตาลอ่อนคล้ายผงแป้ง ซึ่งเป็นวงจรชีวิตตามธรรมชาติของเห็ดชนิดนี้
ในประเทศไทย เราสามารถจำแนกเห็ดเผาะออกได้เป็นหลายชนิด แต่ที่คุ้นเคยและเป็นที่นิยมคือ เห็ดเผาะฝ้าย (Astraeus asiaticus) ที่มีผิวสัมผัสเรียบเนียนและมีเส้นใยสีขาวปกคลุมให้ความรู้สึกนุ่มนวลเมื่อสัมผัส และ เห็ดเผาะหนัง (Astraeus odoratus) ที่มีผิวเรียบเช่นกัน แต่ดอกเห็ดจะมีความหนาและแข็งกว่า นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบชนิดใหม่ที่น่าสนใจอย่าง เห็ดเผาะสิรินธร (Astraeus sirindhorniae) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความหลากหลายทางชีวภาพที่น่าศึกษา
คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณ
เห็ดเผาะไม่ได้เป็นเพียงอาหารรสเลิศจากธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โปรตีนและแคลเซียมในปริมาณสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อการเสริมสร้างและบำรุงกระดูกและฟัน นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วย ธาตุเหล็ก ที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด และ ไขมันดี ที่มีประโยชน์ต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ที่สำคัญคือให้ พลังงานต่ำ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพ
ยิ่งไปกว่านั้น การศึกษาวิจัยยังค้นพบสารสำคัญในเห็ดเผาะอย่าง Astraodoric acid A และ B ซึ่งมีฤทธิ์ที่น่าสนใจในการช่วย ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งและเชื้อวัณโรค (อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ยังอยู่ในระดับห้องทดลอง) นอกจากนี้ เห็ดเผาะยังมีศักยภาพในการ ปกป้องตับและหัวใจ ช่วย ต้านเบาหวาน ต้านการอักเสบ และต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย
ในตำรายาพื้นบ้าน เห็ดเผาะยังถูกนำมาใช้เพื่อ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ช่วย สมานแผลและบำรุงผิวพรรณให้เรียบเนียน รวมถึงช่วย ลดอาการบวมหรืออักเสบ และบรรเทาอาการ ร้อนในและไข้ อีกด้วย